ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยของเราเปิดเทอมเดือนกรกฎาคม ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากการล็อกดาวน์กันนานหลายเดือน การเปิดเทอมใหม่แบบ New Normal เช่น การสลับวันเรียน สลับเวลาเรียน เสริมช่วงเวลาการเรียนออนไลน์ เพื่อรักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้เราได้เห็นเทรนด์ของการจัดบ้านใหม่อย่างจริงจัง
ผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนการเรียนจากที่บ้าน ทั้งสินค้าประเภท IT อย่าง แลปท็อป หูฟัง ระบบอินเตอร์เน็ท หรือแม้กระทั่งสินค้าประเภทตกแต่งต่อเติมบ้าน อย่างกลุ่มของฉนวนป้องกันเสียงรบกวน หรือ อุปกรณ์ตกแต่งอย่างฉาก ผนังกั้น ให้มีมุมส่วนตัวในบ้าน ก็น่าจะได้รับอานิสงส์จากปรากฎการณ์นี้ เพราะผู้ปกครองหลายท่าน ได้ปรับปรุงมุมของบ้าน ให้เป็นห้องเรียนที่ปราศจากเสียงดังรบกวนจากภายนอกให้แก่บุตรหลาน และในบางครั้งพ่อแม่เอง ยังสามารถใช้ห้องดังกล่าวเป็นห้องประชุมได้เช่นกัน ซึ่งก็น่าจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้พอสมควร
อย่างไรก็ตาม การเปิดเทอมวิถีใหม่นี้ ก็ยังคงทำให้ผู้ปกครอง มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของบุตรหลาน ช่วงที่ต้องอยู่บ้านโดยไม่มีพ่อแม่ เพราะพ่อแม่เอง ก็ต้องกลับมาทำงานหลังคลายล็อกดาวน์ บางครอบครัว จึงมีเพียงเด็กและผู้สูงอายุที่อยู่บ้านกันตามลำพัง ซึ่งความปลอดภัย จากการที่เด็กอยู่บ้านตามลำพังนั้น มาจาก 2 ด้าน คือ ภัยจากโลกออนไลน์ และ ภัยจากมิจฉาชีพที่เข้ามาในหมู่บ้าน
โดยในส่วนของภัยจากโลกออนไลน์นั้น ยูนิเซฟ ได้ออกคู่มือผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กช่วงโควิด-19 เอาไว้ โดยได้เน้นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันการสืบค้นข้อมูลที่ไม่เหมาะสม ซึ่งผู้ปกครอง สามารถเรียนรู้เครื่องมือช่วยเหลือด้านความปลอดภัย จากฟีเจอร์ Safe Search (ปกติอยู่ในเมนูตั้งค่า)
นอกจากนี้ จะต้องระวังการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเด็กจากแอปพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงคอนเทนท์ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งผู้ปกครองเองสามารถรายงานไปยัง Internet Watch Foundation เพื่อขอความช่วยเหลือได้
ส่วนในด้านของความปลอดภัยจากมิจฉาชีพนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็สามารถนำเทคโนโลยีในปัจจุบัน เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน ด้วยการติดกล้องวงจรปิดที่สามารถเชื่อมกับสมาร์ทโฟน หรือ การติดตั้งเซนเซอร์ในการแจ้งเตือนเมื่อเกิดอุบัติเหตุภายในบ้าน ก็จะทำให้สามารถสอดส่องดูแลการใช้ชีวิตภายในบ้านของบุตรหลานได้ใกล้ชิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดภายในบ้านนั้น ก็ต้องยอมรับว่า พ่อแม่แต่ละบ้านไม่มีเวลาในการมอนิเตอร์ตลอดเวลา เพราะแต่ละคนล้วนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในที่ทำงาน ปัจจุบัน เราจึงเริ่มเห็นโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งประเภทบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม ที่ตระหนักถึงปัญหาข้อจำกัดของเหล่าพ่อแม่ผู้ปกครอง จึงได้พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยส่วนกลาง ให้ทันสมัยและครอบคลุม ด้วยการพัฒนาศูนย์กลางการควบคุม และสั่งการด้านความปลอดภัยขึ้นมาอย่างจริงจัง ทำหน้าที่คอยสังเกตการณ์และดูแลความปลอดภัยในโครงการตลอดเวลาแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงในทุกจุดของโครงการที่อาจจะเกิดความเสี่ยงขึ้นได้
เช่น การยกระดับการคัดกรองผู้มาติดต่อโครงการ สามารถสแกนเก็บข้อมูลดิจิทัล ที่ทีมบริหารนิติบุคคล สามารถเช็คข้อมูลและติดตามประวัติการมาติดต่อ ในกรณีที่เกิดเหตุร้ายขึ้น รวมถึงมีระบบเซนเซอร์รั้วอัจฉริยะ (Digital Fence) ที่เชื่อมต่อกับศูนย์ควมคุมส่วนกลาง โดยสามารถแจ้งเตือนเมื่อมีคนร้ายลักลอบปีนรั้วเข้ามา
รวมถึงมีกล้อง CCTV Analytic ที่มีระบบ AI สามารถวิเคราะห์ประมวลผลจับความเคลื่อนไหวของสิ่งผิดปกติและทำการแจ้งเตือนไปยังส่วนกลางได้ ซึ่งระบบนี้จะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่บ้านหลังใดหลังหนึ่ง เช่น มีการบุกรุกตรวจจับความเคลื่อนไหวของสัตว์เลื้อนคลาน ระบบจะแจ้งเตือนไปยังผู้ควบคุมส่วนกลางและ รปภ. ประจำโครงการให้ทราบโดยพร้อมกัน
ผู้ควบคุมจะตรวจสอบและสั่งการ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติงานและการตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที ลดขั้นตอนความผิดพลาดในการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ ลดความล่าช้าจากการประสานงาน และความล่าช้าจากการรอคำสั่งจากผู้ควบคุม ทำให้ควมคุมสถานการณ์ได้ก่อนเกิดการลุกลาม
ดังนั้น การเลือกโครงการที่อยู่อาศัยที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม เข้มข้น ก็เป็นอีกทางออกหนึ่งที่จะช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองเกิดความอุ่นใจและสบายใจได้ด้วยเช่นกัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
Add Friend FollowAugust 08, 2020 at 06:35PM
https://ift.tt/2DxuxmD
เปิดเทอมใหม่พ่อแม่ว้าวุ่น ลูกเรียนวันเว้นวัน ความปลอดภัยในบ้านต้องมาก่อน! - thebangkokinsight.com
https://ift.tt/2BaQsOR
Home To Blog
No comments:
Post a Comment