Pages

Thursday, August 13, 2020

'ธนาธร'อยากหน้าตาของประเทศไทย ถ้า'อภิรัชต์'ปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจังจริงใจ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า

suriyus.blogspot.com

วันศุกร์ ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2563, 08.25 น.

14 สิงหาคม 2563  นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตส.ส.และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความ เรื่อง หน้าตาของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร? ถ้าอภิรัชต์ คงสมพงษ์ปฏิรูปกองทัพตามสัญญาหลังเหตุกราดยิงโคราช ลงบนเพจเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ข้อความระบุว่า

ผ่านไปแล้ว 187 วัน ประเทศไทยเปลี่ยนไปมากมาย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ทำในสิ่งที่ไม่มีผู้นำกองทัพหรือนักการเมืองคนใดทำสำเร็จมาก่อนด้วยมือของเขาเอง
.
ความสยดสยองและความหดหู่ของการกราดยิงโคราช เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 และความไม่พอใจของประชาชนหลังจากนั้น กดดันให้คุณอภิรัชต์ออกมาแถลงทั้งน้ำตาถึงความจำเป็นของการปฏิรูปกองทัพ เขาให้สัมภาษณ์ว่าจะปฏิรูปกองทัพในขั้นแรกให้เสร็จภายใน 100 วัน โดยมีเรื่องที่จะทำคือการจัดการกับการพาณิชย์ในกองทัพ โดยเฉพาะเรื่องสนามกอล์ฟและโรงแรมสวนสนประดิพัทธ์, สนามมวย, จัดการเรื่องบ้านพักนายพล, การยกเลิกปืนสวัสดิการ, ธุรกิจฟุตบอล และการเอารัดเอาเปรียบทหารชั้นผู้น้อย
.
ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเอาจริง กองทัพมีธุรกิจซ่อนเร้นมากมายที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่มีใครคิดว่าคุณอภิรัชต์จะกล้าแตะขุมทรัพย์ของนายทหารชั้นผู้ใหญ่
.
สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่แต่งตั้งโดย คสช. มีทหารยศนายพลเป็นสมาชิกอยู่ 81 คน ทั้งหมดรายงานทรัพย์สินรวมกันถึง 6,319 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคนละ 78 ล้านบาท
.
ถ้าคนคนหนึ่งรับราชการทั้งชีวิต 40 ปี และได้รับเงินเดือนเดือนละ  แสนบาท โดยไม่ใช้เงินเลย จะมีทรัพย์สิน 57 ล้านบาท
.
การที่นายพลในสภาที่คณะรัฐประหารตั้ง มีทรัพย์สินเฉลี่ยถึงคนละ 78 ล้านบาท จึงเท่ากับว่าทหารชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้ มีช่องทางต่างๆ ที่จะหารายได้เข้ากระเป๋าที่มากกว่าเงินเดือน
.
คุณอภิรัชต์พิสูจน์ว่าทุกคนมองเขาผิด เขาเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ เริ่มจากการเปิดเผยข้อมูลธุรกิจของกองทัพทั้งหมดให้สาธารณชนรับทราบ ตั้งกรรมการร่วม ให้สื่อมวลชนและผู้แทนราษฎรเข้าร่วมสังเกตการณ์และเสนอแนะในการประชุมเรื่องปฏิรูปกองทัพทุกครั้ง ไม่ใช่งุบงิบตั้งกรรมการตรวจสอบภายในแล้วสรุปจบเรื่องอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครต้องรับผิด และไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างใดๆ ในกองทัพ
.
เขาเอาทรัพย์สินที่ไม่มีใครเคยรับรู้มาก่อนว่าบริหารอย่างไร มาประมูลใหม่อย่างโปร่งใส การประมูลสนามกอล์ฟและโรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ ที่ประจวบคีรีขันธ์, สโมสรฟุตบอลของกองทัพทั้งหมด, สนามม้าที่โคราช และสนามมวยลุมพินีใหม่ ทำอย่างโปร่งใส เปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งกันประมูลอย่างเสรี ไม่ใช่ทำอย่างลับๆ ให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมชื่อดังที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพได้สัมปทานไปเงียบๆ การประมูลทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2,500 ล้านบาทต่อปี เอกชนที่แข่งขันกันประมูลเมื่อชนะไปก็ปรับปรุงรูปแบบการทำงานให้ทันสมัย ดึงให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการสนามกอล์ฟและโรงแรมได้มากขึ้นกว่าที่กองทัพทกันเองไปตามมีตามเกิด
.
ขณะที่สนามมวยและสนามม้าถูกยกระดับให้เป็นสากล คนเข้าชมมากขึ้นและได้รับการยอมระดับโลก ไม่ใช่หลุมดำของธุรกิจสีเทาที่ไร้การตรวจสอบ และไม่ยอมทำตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี จนกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิดครั้งใหญ่ นำไปสู่การล็อกดาวน์ประเทศ เกิดความเสียหายทางธุรกิจอย่างมหาศาล
.
คุณอภิรัชต์ยกเลิกสถานีกองทัพบกช่อง 5 เอาคลื่นความถี่ทั้งหมดที่กองทัพบริหารอยู่คืนให้ กสทช. ไปจัดการใหม่ สร้างรายได้เข้ารัฐอีกปีละ 3 พันล้านบาท รัฐบาลเอาเงินที่ประมูลได้ทั้งหมดไปใช้ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย โดยการลงทุนในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนทั่วประเทศ
.
คุณอภิรัชต์แบ่งที่ดินกองทัพออกเป็นสองส่วน ส่วนที่จำเป็นต้องใช้สำหรับปฏิบัติการของกองทัพ และพื้นที่อื่นๆ ส่วนแรกเขาเก็บไว้ให้กองทัพบริหารจัดการเอง ส่วนหลังเขาคืนให้กระทรวงการคลังนำไปบริหารจัดการทั้งหมด รัฐบาลนำที่ดินส่วนนี้(ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมือง) ไปพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยราคาถูกและสวนสาธารณะให้กับประชาชน การเอาเปรียบทหารชั้นผู้น้อยเรื่องที่อยู่อาศัยหมดไป  
.
การปิดฉากองทัพพาณิชย์ครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จอย่างแท้จริง เมื่อกองทัพไม่มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ก็ไม่มีใครวิ่งเต้นเป็นนายพลอีกต่อไป ทหารทั้งชั้นผู้ใหญ่ผู้น้อย หันกลับมาทำภารกิจที่แท้จริงของกองทัพที่หลงลืมกันมานาน นั่นคือการสร้างกองกำลังที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ ทันสมัย และพร้อมป้องกันประเทศเมื่อถูกรุกราน
.
เมื่อหมดแรงจูงใจทางด้านเศรษฐกิจ ผู้นำกองทัพหมดความทะเยอทะยานทางการเมือง พวกเขากระซิบกระซาบกันอย่างลับๆ ว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำรัฐประหารอีกต่อไป เมื่อไม่มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจใดให้ปกป้องให้กองทัพเข้าไปแทรกแซงทางการเมือง
.
ในระหว่างการปฏิรูปกองทัพ ต้นเดือนมิถุนายน หมู่อาร์ม หรือ ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี ออกมาเปิดเผยปมทุจริตเบี้ยเลี้ยงทหารในหน่วยงานต้นสังกัดของเขา เขาไม่ได้ถูกศาลทหารออกหมายจับฐานหนีราชการ ไม่ถูกปลดออกจากราชการ ไม่ได้กลายเป็น “ตัวประหลาด” ในกองทัพ
.
คุณอภิรัชต์สอบสวนเรื่องนี้ด้วยตนเอง และนำผู้ทุจริตมาลงโทษ หมวดอาร์มได้รับการเลื่อนขั้น และกลายเป็นฮีโร่ของสังคม ทหารชั้นผู้น้อยที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจึงกล้าออกมาพูดถึงการทุจริตและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกองทัพอย่างแพร่หลาย คุณอภิรัชต์ให้ความเป็นธรรมต่อทุกคน ผู้ทุจริตและผู้ที่กระทำเกินกว่าเหตุ ถูกนำมาลงโทษทั้งหมด
.
สถานการณ์โควิดแพร่ระบาด ทำให้การเกณฑ์ทหารในเดือนเมษายนเลื่อนออกไป คุณอภิรัชต์ใช้โอกาสนี้พิจารณาการเกณฑ์ทหารใหม่ เนื่องจากไม่มีภัยคุกคามใดๆ ในอนาคตอันใกล้ และก็ยังเห็นว่าระบบการบังคับเหณฑ์ทหารแบบนี้ไม่มีประสิทธิ์ภาพ เป็นระบบที่ล้าหลัง เขาจึงถือโอกาสนี้ประกาศยกเลิกการเกณฑ์ทหารในปีนี้และในปีหน้าออกไป เพื่อรอผลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ ที่เสนอโดยอดีตพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งยังค้างอยู่ในสภา ประหยัดงบประมาณของประเทศไปอีก 2 หมื่นล้านบาท
.
การเมืองร้อนแรงขึ้นในเดือนกรกฏาคม กลุ่มเยาวชนปลดแอกจัดการชุมนุมเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร อดีตรองโฆษกกองทัพบก ออกมาปรามาสการชุมนุมว่าเป็น “ม็อบมุ้งมิ้ง” คุณอภิรัชต์แถลงข่าวทันที (โดยไม่มีน้ำตา) ห้ามมิให้บุคลากรของกองทัพคนใด รวมถึงตัวเขาเองด้วย ให้สัมภาษณ์ใดๆ เกี่ยวกับการเมืองอีก เขากล่าวว่าผู้นำกองทัพต้องอยู่ใต้รัฐบาล และทำหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายเท่านั้น ไม่ออกมายุ่งเรื่องการบ้านการเมือง นี่คือหลักการสำคัญ ดังนั้นผู้บัญชาการทหารบก หรือทหารชั้นผู้ใหญ่คนไหนก็ตาม จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองไม่ได้
.
ต้นเดือนสิงหาคม ก่อนการเกษียณอายุราชการของเขาเพียงสองเดือน คุณอภิรัชต์เดินทางไปเยี่ยมรุ่นน้องโรงเรียนนายร้อย จปร. และกล่าวกับรุ่นน้องว่า “โรคโควิดเป็นแล้วหาย แต่โรคที่ไม่หายคือโรคเสพติดอำนาจ มีตัวอย่างมากมายที่รุ่นพี่เราทำผิดพลาดมาแล้ว ดังนั้น ต่อจากนี้ไป ทหารต้องรับใช้ประชาชนและปกป้องประชาธิปไตย” นั่นคือการให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณะครั้งสุดท้ายในตำแหน่งของพล.อ.ภิรัชต์ คงสมพงษ์
.
คุณอภิรัชต์เกษียณอายุในเดือนกันยายนอย่างเงียบๆ แต่ประชาชน, สื่อมวลชนและนักการเมืองต่างแซ่ซ้องสรรเสริญถึงผลงานและความกล้าหาญในช่วงปีราชการสุดท้ายของเขา ทหารรุ่นต่อไปกล่าวถึงเขาเยี่ยงวีรบุรุษว่าเขาคืนเกียรติยความภาคภูมิใจให้แก่อาชีพทหาร เขาก้าวลงจากตำแหน่งอย่างสง่างาม
.
แต่ช่างน่าเสียดาย ทั้งหมดนี้ "ไม่เกิดขึ้นจริง"
.
187 วันหลังการกราดยิงโคราช ไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจังและจริงใจจากผู้นำกองทัพ
.
หลังจากเหตุการณ์ คนทั่วประเทศเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพจนแม้แต่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทนทานกระแสไม่ไหว ออกมากล่าวว่า “ต้องสังคายนาให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด” แต่คุณอภิรัชต์ไม่ทำตามสัญญา ขาดความกล้าหาญที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และยังคงปั้นแต่งวาทกรรมชังชาติ สาดใส่ประชาชนที่เขาต้องก้มหัวรับใช้ แม้ในช่วงเดือนสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
.
โอกาสในการปฏิรูปกองทัพที่ดีที่สุดในรอบหลายสิบปีกำลังหลุดลอยไป ชีวิต 30 ชีวิตจะเสียไปโดยไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
.
หลายคนอาจลืมเหตุการณ์กราดยิงโคราชไปแล้ว แต่ผมยังไม่ลืม
.
พรุ่งนี้กระทรวงกลาโหมจะเข้าชี้แจงในชั้นกรรมาธิการงบประมาณ ผมจะใช้โอกาสนี้ เป็นปากเสียงเพื่อไม่ให้ชีวิต 30 ชีวิตสูญเปล่า ทวงถามถึงความคืบหน้าในการปฏิรูปกองทัพ แล้วจะรายงานให้ประชาชนทราบต่อไป
.
ประวัติศาสตร์และอนาคตเต็มไปด้วยคำว่า “ถ้า”
“ถ้า” คุณอภิรัชต์ปฏิรูปกองทัพ
“ถ้า” คุณอานนท์ไม่พูดสิ่งที่เขาพูดวันนั้น
“ถ้า” ประชาชนกล้าหาญ ลงทุนลงแรงออกมาต่อสู้ร่วมกันอีกสักครั้ง
.
หน้าตาอนาคตใหม่ของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร?
———
#กราดยิงโคราช #ปฏิรูปกองทัพ #ประชาชนปลดแอก #เยาวชนปลดแอก #อนาคตใหม่ #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน

Let's block ads! (Why?)


August 14, 2020 at 08:25AM
https://ift.tt/3fWa34a

'ธนาธร'อยากหน้าตาของประเทศไทย ถ้า'อภิรัชต์'ปฏิรูปกองทัพอย่างจริงจังจริงใจ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/2BaQsOR
Home To Blog

No comments:

Post a Comment