Pages

Sunday, July 19, 2020

ธปท.คาดศก.ไทยจะกลับสู่ภาวะปกติปลายปี 64 หลังผ่านจุดต่ำสุดในQ2/63 - efinanceThai

suriyus.blogspot.com

   ผู้ว่าธปท. ชี้ศก.ไทยผ่านจุดต่ำสุดใน Q2/63 แล้ว คาดทยอยฟื้นตัว-กลับเป็นปกติปลายปี 64 ยันไทยยังไม่จำเป็นต้องกู้ IMF แนะฐานะการเงิน - ระบบธนาคารไทยแกร่ง แต่รับห่วงยอดตกงานมากสุด หวั่นกระทบศก.ระยะยาว

   นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการธปท. สำนักงานภาคประจำปี 63 โดยยอมรับว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นวิกฤติโควิดภิวัฒน์ ที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจทั่วโลก ดังนั้นทุกประเทศรวมถึงไทย จะต้องเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง
 
   ทั้งนี้ไตรมาส 2/63 ถือเป็นช่วงที่แย่และต่ำที่สุด เนื่องจากกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวชะงักงัน ซึ่งหลังจากไตรมาส 2/63 คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นฟูแบบค่อยเป็นค่อยไป และกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ปลายปี 64

   สำหรับภาคอุตสาหกรรม จะเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ที่มองว่า จะฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า เนื่องจากยังมีการระบาดอยู่จากต่างประเทศ และวิกฤติโควิดยังกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทาง รายได้ของประชาชนลดน้อยลง

   “ ที่ผ่านมาเราก้าวข้ามได้ดีกว่าประเทศอื่น ตอนนี้เป็นช่วงที่เราต้องคิดว่าเข้าสู่ช่วงการฟื้นฟู และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างไร จากประมาณการธปท. มองว่าหากไม่มีการระบาดรุนแรงเหมือนไตรมาส 2/63 แม้อาจมีการระบาดเป็นช่วงๆ บ้าง เรามองว่าจะค่อยๆทยอยฟื้นตัวได้ และกลับเข้าสู่ปกติได้ปลายปี 64 แต่ด้านของการท่องเที่ยวจะหวังให้นักท่องเที่ยวกลับมาไทย 40 ล้านคน คงต้องใช้เวลาหลายปี  ”นายวิรไท กล่าว

   ทั้งนี้ยืนยันว่า ไทยยังไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจมหภาคของไทยยังแข็งแกร่งต่างจากตอนวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 และวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ โดยปัจจุบันไทยมีเกินดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างสูง มีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศค่อนข้างต่ำ ขณะที่สถาบันการเงินไทย มีการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่แข็งแกร่ง เงินกองทุนสูง และมีการตั้งสำรองค่อนข้างมาก รวมถึงมีมาตรฐานบัญชีที่ดี 

   “เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก และเป็นวิกฤติด้านสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคเศรษฐกิจจริง ระบบการเงิน ดังนั้นที่ผ่านมาเราจึงต้องผสานทุกมาตรการ และวันนี้ระบบการเงินไทยไม่มีปัญหา จึงถือเป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจไทย จึงยืนยันว่า เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF เพราะด้านการเงินเราเข้มแข็งมาก จึงถือว่าเรามีกันชนเศรษฐกิจมหภาคที่ดี ”นายวิรไท กล่าว

   นายวิรไท กล่าวว่า วิกฤติรอบนี้ไม่มีนโยบายใดนโยบายหนึ่งที่จะแก้ไขได้ แต่จะต้องประสานนโยบายและหยิบทุกเครื่องมือที่ภาครัฐมีมาใช้ ซึ่งในภาคการเงินนั้น ธปท.ได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันการเงิน ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกหนี้รายย่อย ทั้งการออกมาตรการยืดเวลาการชำระหนี้ การพักชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย

   สำหรับที่ผ่านมา ธปท.ได้แบ่งวิกฤติโควิดและออกมาตรการออกมา โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงแรกที่มีการระบาดรุนแรง ธปท. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 3 ครั้ง เนื่องจากพบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดสร้างแรงกระแทกต่อภาคเศรษฐกิจจริง รวมถึงออกกองทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพและเป็นหลังพิงให้กับกองทุนตราสารหนี้ เป็นต้น

   ขณะที่ในช่วงที่ 2 ที่ล็อกดาวน์ ซึ่งถือเป็นการเยียวยา โดยออกมาตรการชุดแรกเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีและลูกหนี้รายย่อย เป็นการทั่วไป ทั้งการทบทวนความสามารถในการชำระหนี้ เลื่อนการชำระหนี้ เป็นต้น

   ส่วนขณะนี้อยู่ในช่วงที่ 3 คือการให้ความสำคัญกับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้ภาระหนี้สอดคล้องกับการชำระหนี้ได้จริง โดยมาตรการนี้จะเน้นลงเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะแตกต่างจากที่ผ่านมาที่คนได้เป็นการทั่วไป แต่ครั้งนี้จะเป็นเฉพาะกลุ่ม ให้สถาบันการเงินช่วยเหลือได้ตรงจุดมากขึ้น

    สำหรับสิ่งที่กังวลมากที่สุด คือ เรื่องการจ้างงาน เนื่องจากสถานการณ์โควิด ส่งผลกระทบต่อภาคบริการ และภาคการผลิต ซึ่งมีการจ้างงานในระดับสูง หลายคนตกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมองในระยะยาว หากกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในโลกใหม่ได้ จะทำให้เกิดผลกระทบระยะยาวในอนาคต

   “ตอนนี้กำลังการผลิตส่วนเกิดสูงในหลายอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวคงไม่ได้กลับมา 40 ล้านคนในช่วง 1-2 ปีนี้ อุตสาหกรรมอาจใช้หุ่นยนต์มากขึ้น กลุ่มนักศึกษาจบใหม่ ตลาดแรงงานจะยากมากขึ้น ถือเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นจะทำอย่างไรเกี่ยวกับการสร้างงานเพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ”นายวิรไท กล่าว
 
   ขณะนี้ที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยอมรับว่า จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จากการดำเนินมาตรการต่างๆที่ดำเนินการนั้น คงไม่ทำให้ NPL เกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมองว่า การปรับโครงสร้างหนี้ที่ดำเนินการนั้น จะทำให้ไม่เกิดปัญหาต่อระบบการเงินในอนาคตได้
 

Let's block ads! (Why?)


July 20, 2020 at 11:00AM
https://ift.tt/3jlDgs7

ธปท.คาดศก.ไทยจะกลับสู่ภาวะปกติปลายปี 64 หลังผ่านจุดต่ำสุดในQ2/63 - efinanceThai
https://ift.tt/2BaQsOR
Home To Blog

No comments:

Post a Comment